LOGO

Blog

Blog

Affordable Luxury

< Home
Aug 09

รู้จัก “Foster + Partners” บริษัทระดับโลกที่อยู่เบื้องหลังดีไซน์เฉียบของ Apple Store แห่งแรกในไทย

ถ้านับตั้งแต่วันแรกที่ห้างใหญ่อย่าง ICONSIAM เปิดตัวเมื่อเดือนที่แล้ว หนึ่งในสิ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุดตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงทุกวันนี้ ต้องยกให้ Apple Store สาขาแรกในเมืองไทย

Apple Store สาขานี้นอกจากจะสร้างความตื่นเต้นให้กับสาวกของแบรนด์แล้ว ยังเตะตาด้วยดีไซน์สวยทันสมัยที่ใช้ฟาซาดแก้วที่เปิดให้เห็นวิวข้างนอกอย่างเต็มตา สร้างความรู้สึกโล่งโปร่ง สบายตา แต้มด้วยสีเขียวของต้นไม้ที่อยู่ด้านนอกและภายในตัวร้านด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องยกเครดิตในการออกแบบให้กับ Foster + Partners บริษัทออกแบบชื่อดังระดับโลก ที่ดีไซน์ออกมาโดยยึดหลักว่าต้องยังคงเอกลักษณ์ของ Apple ไว้ และมีความแตกต่างที่มาจากเอกลักษณ์ของโลเกชันด้วย

การหยิบเอาจุดเด่นของโลเกชันที่ Foster + Partners นำมาใช้ในการออกแบบครั้งนี้ ก็คือการตั้งใจให้เห็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะมองว่าแม่น้ำเป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกับวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน
ส่วนการใช้ฟาซาดแก้วนั้นก็เพื่อขับให้ทิวทัศน์ภายนอกสวยเด่นยิ่งขึ้น สามารถมองเห็นได้อย่างเต็มตาแม้ว่าจะอยู่ภายใน Apple Store และไม่ทำให้เส้นแบ่งระหว่างภายนอกกับภายในชัดเจนจนเกินไป ความตั้งใจนี้ยังขยายต่อมาถึงไอเดียในการนำต้นไม้มาเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งร้านด้วย เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างภายนอกและภายในอาคาร ทั้งยังทำหน้าที่แบ่งสัดส่วนการใช้พื้นที่ด้านใน ควบคู่ไปกับการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และการออกแบบแสงไฟในแต่ละจุดให้แตกต่างกันเล็กน้อยด้วย

ข้อมูล: https://www.dezeen.com/2018/12/13/foster-partner-thailand-apple-iconsiam-store/

 

หากติดตามผลงานของ Foster + Partners กันมาอย่างต่อเนื่อง หรือเป็นแฟนคลับของ Apple ก็ดี จะรู้ว่า Apple Store สาขา ICONSIAM ไม่ใช่ครั้งแรกของการทำงานร่วมกันระหว่างสองบริษัทใหญ่ เพราะหลายสาขาของ Apple ก็เป็นงานออกแบบของเจ้านี้ทั้งนั้น รวมถึงไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการนำต้นไม้มาเป็นส่วนสำคัญของดีไซน์ด้วย
เพราะก่อนหน้านี้ แฟล็กชิปของ Apple สาขาแรกของสิงคโปร์ที่ตั้งอยู่บนถนน Orchard และเป็นผลงานของ Foster + Partners เอง ก็เป็นอีกที่ที่นำต้นไม้มาอยู่อย่างกลมกลืนกับความทันสมัย เช่นเดียวกับสาขามาเก๊า ที่เหมือนยกเอาป่าไผ่ขนาดย่อมมาไว้ทั้งภายในและภายนอก สร้างความฮือฮาได้ตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัว
อีกสาขาหนึ่งที่ต้องพูดถึงก็คือ Apple Piazza Liberty ที่ Foster + Partners ทำให้พื้นที่ใจกลางกรุงมิลานเป็นมากกว่าร้านรีเทล แต่เป็นเหมือน public space ที่ดึงดูดสายตาของชาวเมืองและนักท่องเที่ยว โดยออกแบบให้มีน้ำพุอยู่ด้านบนตัวร้าน และมีลานต่างระดับที่ทุกคนสามารถแวะเวียนมานั่งพักหรือถ่ายรูปเล่นได้ จนทำให้ที่นี่ขึ้นชั้นกลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเมือง
และ Foster + Partners นี่เองที่เป็นผู้ออกแบบ Apple Park’s Visitor Center ในแคลิฟอร์เนีย ที่เปิดสู่สาธารณะเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งที่ว่ามานี้ยังเป็นงานเพียงแค่ส่วนหนึ่งของบริษัทออกแบบแห่งนี้เท่านั้น

Foster + Partners ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1967 โดย นอร์แมน ฟอสเตอร์ สถาปนิกชาวอังกฤษที่มีอายุเพียง 32 ปีในตอนนั้น ในชื่อของ Foster Associates ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น Foster & Partners Ltd ในปี 1992 และเปลี่ยนเป็นชื่อปัจจุบันตั้งแต่ปี 1999 เป็นต้นมา
แน่นอนว่านักศึกษาสายสถาปัตย์มักจะรู้จักฟอสเตอร์ในฐานะสถาปนิกที่ิยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของยุคนี้ และอยู่เบื้องหลังงานใหญ่ดีไซน์เยี่ยมจำนวนมาก แต่ถ้าย้อนดูงานของบริษัทนี้ตั้งแต่ช่วงก่อตั้งบริษัทได้ไม่นาน จะเห็นว่ามีผลงานเด่นมาตั้งแต่ยุคแรกของบริษัท
หนึ่งในงานที่เป็นที่พูดถึงตั้งแต่อดีตและน่าจะเป็นตึกที่เรียกได้ว่าเป็น iconic building แห่งหนึ่งจนถึงปัจจุบันนี้ก็คือ อาคารสำนักงานใหญ่ของธนาคาร HSBC ที่ฮ่องกง ซึ่งสร้างเสร็จเมื่อประมาณปี 1986 และเป็นตึกที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก ณ เวลานั้น คือประมาณ 668 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งโจทย์ที่ฟอสเตอร์ได้รับจากลูกค้าในเวลานั้น นั่นคือการสร้าง “the best bank building in the world” เพื่อให้ตึกนี้เป็นอาคารสำนักงานที่ยังคงความทันสมัยทั้งในเรื่องคุณภาพ การใช้งาน และดีไซน์ได้ แม้เวลาจะผ่านไปครึ่งศตวรรษ
ตึกนี้ยังเป็นอีกหนึ่งหลักไมล์ที่สำคัญอันหนึ่งของ Foster + Partners ด้วย เพราะเป็นโปรเจกต์ใหญ่นอกอังกฤษโปรเจกต์แรกของฟอสเตอร์
ข้อมูล: https://www.theguardian.com/cities/2015/may/28/hong-kong-hsbc-hq-bank-history-cities-50-buildings

การออกแบบที่นำกระจกและเหล็กมาอยู่คู่กันอย่างลงตัวคือเอกลักษณ์ของ Foster + Partners ตลอดหลายสิบปีที่ฟอสเตอร์ทำบริษัทของเขาเอง เขาพาวัสดุทั้งสองอย่างนี้ไปอยู่ตามเมืองต่างๆ ทั่วโลกด้วยความคิดสร้างสรรค์และความใส่ใจรายละเอียดในการออกแบบของเขา
และด้วยโครงสร้างที่มีกระจกเป็นหลักยังส่งต่อมาถึงการเล่นกับแสงและเงา ทำให้เกิดดีไซน์ที่ไม่ได้สวยแค่เพียงภายนอก แต่เมื่อมองจากข้างในก็เป็นเหมือนงานศิลปะที่น่าประทับใจ อย่างเช่น Great Court ที่เป็นส่วนหนึ่งของ British Museum ที่ยังคงเคารพความคลาสสิกของตัวอาคารหลัก แต่ก็มีความทันสมัยในการออกแบบ และในช่วงเวลากลางวันที่แสงธรรมชาติส่องทะลุเพดานกระจกลงมา ก็ทำให้เกิดเป็นลายเส้นที่น่าสนใจพาดผ่านในทุกจุดภายใต้หลังคากระจกนี้
ในหลายครั้ง ภายใต้เอกลักษณ์เรื่องการใช้กระจกและโครงเหล็กก็ยังแฝงความคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมไว้ด้วย ซึ่งนี่คือจุดเด่นอย่างหนึ่งในการออกแบบ Hearst Tower ในนิวยอร์ก ที่สร้างขึ้นโดยใช้เหล็กรีไซเคิล 85 เปอร์เซ็นต์ และออกแบบให้สามารถดึงอากาศจากภายนอกมาใช้ในระบบปรับอากาศภายในอาคารด้วย ซึ่งส่งผลให้ลดการใช้พลังงานลงได้ถึง 25 เปอร์เซ็นต์
ในปี 2006 ที่ Hearst Tower สร้างเสร็จนั้น อาคารนี้จึงเป็นตึกแรกในแมนฮัตตันที่ผ่านมาตรฐาน gold rating ของ LEED ด้วย ความลงตัวในการออกแบบที่ทั้งใส่ใจสิ่งแวดล้อมและเอาใจใส่ผู้ที่ใช้งาน ทำให้ตึกนี้ได้รางวัล RIBA International Award ในปีถัดมา
ข้อมูล: https://www.fosterandpartners.com/projects/hearst-headquarters/

ไม่เฉพาะแต่อาคารสำนักงานและแฟล็กชิปของแบรนด์ดังเท่านั้นที่ Foster + Partners ได้ฝากผลงานล้ำๆ ไว้ เพราะหลายๆ โปรเจกต์ก็เป็นสถานที่ราชการและอาคารในมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งทั่วโลก ทำให้อาคารเหล่านี้สวยเด่นไม่แพ้แลนด์มาร์กดัง
ตัวอย่างที่ถูกพูดถึงบ่อยๆ ก็คือ City Hall กลางกรุงลอนดอน ที่มีเรื่องของความยั่งยืนเป็นโจทย์ใหญ่โจทย์หนึ่งในการออกแบบ และอีกโจทย์ก็คือความโปร่งใสในการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ Foster + Partners นำทั้งสองโจทย์นี้มาทำให้เป็นรูปธรรมด้วยตึกสูง 10 ชั้นที่ลอนดอนเนอร์สามารถมองทะลุกระจกเข้ามาได้ ซึ่งตีความหมายได้ถึงการที่ประชาชนสามารถมองเห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้อย่างโปร่งใส
ในเรื่องของความยั่งยืนนั้น มีการนำข้อมูลเกี่ยวกับแสงแดดในบริเวณนั้นตลอดทั้งปีมาใช้ในการออกแบบพื้นที่รับแดดซึ่งจะมีผลต่ออุณหภูมิของตึกโดยตรง และใช้เทคนิคในการออกแบบเพื่อประหยัดพลังงานอีกหลายอย่าง จนทำให้ที่นี่เป็นตึกที่ใช้พลังงานเพียง 1 ใน 4 ของตึกสำนักงานทั่วไป
ข้อมูล: https://www.fosterandpartners.com/projects/city-hall

ในปีหน้าและอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ เราจะยังได้เห็นงานออกแบบใหม่ๆ ของ Foster + Partners ซึ่งเป็นโปรเจกต์ใหญ่ๆ ที่จะกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์อีกหลายต่องาน ตั้งแต่สนามบินนานาชาติ อาคารสำนักงาน อาคารเพื่ออยู่อาศัย และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ในอีกหลายประเทศ โดยเฉพาะในจีนที่มีโปรเจกต์ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้างไม่น้อยกว่า 6 แห่ง
ความเจ๋งในงานออกแบบภายใต้ชื่อ Foster + Partners นี้ ส่วนสำคัญน่าจะมาจากความคิดของผู้ก่อตั้งอย่างฟอสเตอร์เองที่สามารถหยิบทุกอย่างมาเป็นแรงบันดาลใจได้ รวมถึงเชื่อว่าในบางครั้งเขายังมองเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น ซึ่งดูเหมือนว่าผลงานของเขาก็สามารถยืนยันความเชื่อนี้ของเขาได้จริงๆ
ข้อมูล: https://www.fosterandpartners.com/projects/type/?onsite=true

 

< กลับหน้าหลัก